27 เม.ย. 2557

รปภ.หน้าหมู่บ้าน



รปภ . ห น้ า ห มู่ บ้ า น
ยืนเปิดประตู แลกบัตร 
ตะเบ๊ะทำความเคารพรถที่วิ่งเข้าวิ่งออกหมู่บ้าน 

รปภ.ส่วนใหญ่จะสนใจในท่าทางของตัวเอง
ให้ดูดี ขึงขัง ตัวตรง ท่าทางทะมัดทะแมง

แต่มีรปภ.มืออาชีพ ที่ก็ทำอย่างนั้นเช่นกัน
แต่มิได้จดจ่อแต่เรื่องท่าทาง
กลับสังเกตพฤติกรรมของคนเข้า-ออกตลอดเวลาว่า
อากัปกิริยาเหล่านี้ชวนสงสัยหรือมีพิรุธไหม
ติดตามสอดส่อแม้นขับรถผ่านเข้าไปในหมู่บ้านแล้ว

รปภ.2ประเภทนี้
ประเภทแรกเรียก รปภ.กระจอก
ส่วนประเภทหลังเรียก [ รปภ.อาชาไนย ]

- อ.ประเสริฐ อุทัยเฉลิม -
http://www.suanyindee.net/index.php?option=think&task=view&id=263


19 มี.ค. 2557

ถอดคำบรรยาย "พังประตูคุก" เข้มข้น 13 ตอนจบ

ขออนุญาตแนะนำพื้นที่รวมสำหรับคอร์ส " พังประตูคุก " ค่ะ

พังประตูคุก ( รวม 13 ตอนจบ )

http://way-middle.blogspot.com/p/blog-page.html
----------------------------------------------------------------
ถอดคำบรรยายธรรม ของ อ.ประเสริฐ อุทัยเฉลิม
จาก DVD คอร์สปฏิบัติธรรมในหลักสูตร มัคคานุคา เข้มระดับ 2
เมื่อวันที่ 25-29 มิถุนายน 2556 ณ สวนธรรมศรีปทุม


การบรรยายครั้งนี้
- มีเนื้อหาธรรมที่จำเป็นสำหรับการเดินทาง โดยเริ่มต้น
- อาจารยจะชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการเดินตามอริยมรรคมีองค์8
- ท่านจะชี้ให้เห็นและเข้าใจ "ขันธ์ 5 "
- มรรคมีองค์ 8 เป็นหนทางที่จะเปลี่ยนปุถุชนเป็นอริยชนได้อย่างไร?
- อาจารย์จะช่วยให้ท่านเห็นความเชื่อมโยงของอริยมรรค กับ อริยสัจ
อันแสดงถึงปัญญาการตรัสรู้่ของพระศาสดาที่เชื่อมโยงธรรมทุกข้อเข้าด้วยกัน
- และปฏิจจสมุปบาท ท่านเข้าใจมากน้อยแค่ไหน ?
มีการบรรยายปฏิจจสมุปบาทอย่างละเอียดพร้อมภาพบรรยาย

คลิกที่นี่

http://way-middle.blogspot.com/p/blog-page.html


หลังจากอ่านคำบรรยายธรรมจบแล้ว
ท่านจะได้คำตอบ
และคำตอบเหล่านั้นจะทำให้ท่านพ้นไปจาก "คุกแห่งสังสารวัฏ" ได้จริง!!!

6 มี.ค. 2557

ระลึกชาติได้



























ผู้ที่เข้าถึงอริยสัจ
จะเกิดญาณหยั่งรู้ในอดีตของตนไปได้
ไม่มีประมาณ

ชาติที่แล้วเกิดเป็นอะไร?
ชาติที่แล้วเกิดเป็น ทุ ก ข์

ชาติก่อนหน้านี้ล่ะ
ก่อนหน้านี้ก็เกิดเป็น ทุ ก ข์

ชาติไหนๆ ก็เกิดเป็น ทุ ก ข์ มาตลอด
จะเกิดเป็นแบบไหน
ก็มี ขั น ธ์ ๕ เปลี่ยนรูปแบบไปเรื่อยตามแต่สิ่งที่ทำกรรมมา

แล้ว ช า ติ ห น้ า ล่ะ
จะเกิดเป็นอะไร ?

[ ถ้าปัจจุบันไม่มีใคร
ชาติหน้าจะมี ใ ค ร !! ]

- อ.ประเสริฐ อุทัยเฉลิม -
ข้อคิดมุมมองเพื่อปัญญาเรื่อง " ระลึกชาติได้ "

ใครมาปฏิบัติธรรม ?

เรามา ป ฏิ บั ติ ธ ร ร ม
เพื่อเพียรเพ่งเผากิเลส นั่งสมาธิ เดินจงกรม
วันหนึ่งกิเลสเราคงจะลดลง แล้วคงลดลงไปเรื่อยๆ 
หากเราปฏิบัติไปไม่หยุดแม้ในชีวิตประจำวันก็ตาม


































ตอนนี้หากแยกภาค
มันจะเหมือนกับมี " เ ร า " อยู่ในความรู้สึก
แล้วพา "กาย-ใจ" ของ เ ร า มาปฏิบัติ
...ใช่ไหม?

รู้ไหมว่า เรามาปฏิบัติธรรมน่ะ
เพื่อมาจัดการ " ไอ้ ค น ที่ พา กาย-ใจมานั่นล่ะ "

กาย-ใจ หรือ ขันธ์๕ นั้น เขาเป็นธรรมชาติอยู่แล้ว
ที่ผิดธรรมชาติอยู่ ก็คือ "ไอ้ความรู้สึกเป็นตัวตนนั่นล่ะ"
แล้วยังโง่มาอวดดีอ้างตนว่า พา ตั ว เ อ ง มาทำความดีอีก

เวลามาปฏิบัติแล้วรู้สึกดี ว่าข้าได้ทำกุศล ได้ปฏิบัติธรรม
"ไอ้ความรู้สึกนั่นล่ะ" ที่เป็นกิเลส

ตกลงที่ว่ามาจัดการกิเลส จัดการใคร?
จัดการ " มึ ง " นั่นล่ะ !!!

หมดความรู้สึกนั้นเมื่อไหร่
หมดผู้มีอุปาทานเลยล่ะ
นั่นล่ะที่สุดแห่งทุกข์

- อ.ประเสริฐ อุทัยเฉลิม -
ข้อคิดมุมมองเพื่อปัญา เรื่อง "ใครมาปฏิบัติธรรม ? "
http://www.suanyindee.net/index.php?option=think&task=view&id=262

5 มี.ค. 2557

พระธรรมเทศนา

พระธรรมเทศนาควรไปฟังที่ไหน ที่ไหนเทศน์ดี องค์ไหนสุดยอด ?


































พระธรรมเทศนาให้ไปฟังที่ 
กาย..เวทนา..จิต..ธัมมารมณ์ 
ทั้ง๔ ที่นี่ล่ะที่เทศน์ได้สุดยอด

ทั้ง๔ ที่นี่เขาเทศน์อะไรกัน?
เขาเทศน์แต่ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เท่านั้น

แล้วดียังไง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ?
ดีเพราะ เราจะเกิดปัญญา

ปัญญาอะไร ?
ปัญญารู้ว่า
นี้..ทุกข์
นี้..เหตุให้เกิดทุกข์
นี้..ความดับแห่งทุกข์
นี้..หนทางให้ถึงความดับแห่งทุกข์

แล้ว นี้..ที่ว่าคืออะไร ถ้าเกิดปัญญา
นี้..แรก จะรู้ขึ้นมาว่า อุปาทานขันธ์ ๕ เป็นตัวทุกข์
นี้..ตัวที่สอง จะรู้ว่า ตัณหาและอวิชชา เป็นเหตุให้เกิดทุกข์
นี้..ตัวที่สาม จะรู้จัก นิพพาน
นี้..ตัวที่สี่ จะรู้จักทางสู่ความพ้นทุกข์คือ มรรค

แล้วรู้จักมรรคได้ยังไง
เพราะที่กำลังเจริญอยู่คือมรรคอยู่แล้ว
วันนี้เราใช้มรรคจากปัญญาการตรัสรู้ของพระพุทธองค์
แต่เมื่อเจริญตามที่ท่านบอก
จะรู้แจ้งขึ้นมาในมรรคที่เจริญอยู่แล้วซ้อนลงไปว่า
ที่กำลังเจริญอยู่คือหนทางให้ถึงความดับทุกข์

ไปฟังธรรมกันเถิด
เดิน เหิน หยิบ จับ , ดีใจ เสียใจ , โทสะ โลภะ โมหะ แขกจรของจิต
จิตเองเกิดๆ ดับๆ , อารมณ์ต่างๆเมื่อมีการกระทบ
ไม่ว่าจะเป็น กุศล อกุศล ล้วนเกิดดับ ว่างจากตัวตน

นี่ล่ะพระธรรมเทศนาที่แท้จริง
ไปฟังที่นี่ถึงจะหลุดพ้น

- อ.ประเสริฐ อุทัยเฉลิม -
ข้อคิดมุมมองเพื่อปัญญา เรื่อง พระธรรมเทศนา
http://www.suanyindee.net/index.php?option=think&task=view&id=261

26 ม.ค. 2557

มนุษย์อยู่กับคิด ไม่เคยอยู่กับจริง


เมื่อ 1,000 ปีก่อน มนุษย์บนโลกไม่มีความรู้ใดๆ เกี่ยวกับโลกนี้
ทุกคนมีความเชื่อว่าโลกใบนี้แบน ไม่ว่าจะมีการพิสูจน์สักเท่าไหร่ 
ผลก็ออกมาว่าโลกใบนี้แบน ดังนั้นทุกคนจึง เชื่อว่าโลกนี้แบน

ต่อมา ถัดจากยุคนั้นมาหน่อย 
นักวิทยาศาสตร์ท่านหนึ่งเริ่มสังเกตมากขึ้น 
จนเริ่มเห็นความจริงว่าโลกที่เราอยู่นี้ไม่แบน มันน่าจะกลม 
แล้วจึงนำความคิดดังกล่าวนำไปประกาศบอกคนทั่วไปให้เชื่อตาม
โดยนำหลักการและเหตุผลที่ตนพบไปอธิบาย 
ผู้คนบางส่วนเริ่มเชื่อตาม เห็นคล้อยด้วย บางส่วนยังคงไม่เชื่อ
และเอาเหตุผลสารพัดของตัวเองออกมาคัดง้าง 
แต่ถึงกระนั้นนักวิทยาศาสตร์คนนั้น ก็ยังคงอยู่บนความคิด ความเชื่อของตนเองอยู่นั่นเอง
ถึงจะมีคนเชื่อตามแค่ไหน นั่นก็คือเชื่อตามๆ กันตามเหตุผลเท่านั้น

ถึงตรงนี้เราจะเห็นความจริงได้อย่างหนึ่งแน่ๆ คือ

25 ม.ค. 2557

มนุษย์ อยู่กับคิด 2



เมื่อครั้งก่อนเราได้อ่านเรื่อง "มนุษย์อยู่กับคิด ไม่ได้อยู่กับจริง"
วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจกันต่ออีกหน่อย

ในครั้งก่อนเราบอกว่า เมื่อ 1,000 ปีก่อน มนุษย์อยู่กับคิด
ด้วยความเชื่อว่า โลกนี้แบน ทุกคนสอนกันมาให้เราเข้าใจ
และเชื่อกันมาอย่างนั้นว่าโลกที่เราอยู่นี้แบน
นี่คือความรู้ที่เราได้รับมาจากการถ่ายทอด
ให้ชื่อว่าความรู้ในระดับที่ 1

จากนั้นมีนักวิทยาศาสตร์เริ่มพิสูจน์จากการสังเกตว่า
มันไม่น่าแบนหรอก...มันกลม แล้วนำสิ่งที่เขาสังเกตมาบอกพวกเรา
เช่น หากเราออกเรือไปในมหาสมุทร เราจะเห็นเรือสักพักแล้วจะหายไป
เพราะผิวโลกที่โค้ง จึงทำให้เป็นอย่างนี้
เราเริ่มจินตนาการตามนักวิทยาศาสตร์ จนเราเชื่อตามว่า โลกนี้กลม
เราจะเรียกความรู้นี้เป็นความรู้ระดับที่ 2
เกิดจากการจินตนาการตาม
ไม่ใช่แค่ฟังและเชื่อตามเท่านั้นแต่มีเหตุมีผลคิดตามได้

จนมาถึงวันนี้
ภาพถ่ายดาวเทียมได้ทำให้เราประจักษ์แล้วว่าโลกนี้กลม
โดยหมดความลังเลสงสัย ต้องหาเหตุผลใดๆมาสนับสนุนอีก
เราเรียกความรู้นี้เป็นความรู้ระดับที่ 3

เอาล่ะทีนี้เรากลับมาสู่ความเข้าใจที่เป็นสรุปรวบยอดกัน

ภิกขาจาร




เรื่องหนึ่งที่โยมน้า เพื่อนของโยมแม่เคยเล่าให้ฟังว่า

เมื่อประมาณ  20 ปีมาแล้ว ท่านเคยเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง

ได้มีอาจารย์ ชาวต่างชาติ ถามว่า 

" ทำไม พระในพระพุทธศาสนา จึังขอทาน ... "

17 ม.ค. 2557

สร้างเหตุเกิด



[ เมื่อมีความยินดีพอใจในรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
สัตว์จะต้องเวียนว่ายตายเกิด ]
....

ในรูปคืออะไร ? เรายินดีพอใจในรูปมั๊ย ?

เรียบร้อย.. เวียนแน่ !!

เพราะว่าเรารู้สึกว่านี่รูปของเรา
ถ้าวันเราขาขาด - ทุกข์มั๊ย ? ทุกข์ !
วันไหนหมอบอกเป็นมะเร็ง - ทุกข์มั๊ย ? ทุกข์ !
วันนี้เราไปซื้อครีมมา ทา ทา
แล้วเราก็ยินดีพอใจกับการทา แล้วเนื้อหนังมันนิ่มเนี่ยะ

" นั่นท่านได้สร้างเหตุเกิด !!!! "

ถ้าหญิง กำลังทาแล้วเกิดความรู้สึกเนื้อนิ่มแห่งความเป็นหญิง
ท่านได้สร้างเหตุเกิดแห่งความเป็นหญิงในชาติหน้าต่อไป
แต่ปัญหา คือ คำว่า [ หญิง] ของท่าน

อ า จ จ ะ เ ป็ น ตั ว เ มี ย น ะ !!!

ไม่ใช่หญิงอย่างเดียว
เพราะอย่าลืมว่า แมวก็เลียขน หมาก็เลียขน วัวก็เลียขน !!!!

- อ.ประเสริฐ อุทัยเฉลิม -

                            

14 ม.ค. 2557

"มัคค์น้อย " คอร์สดีๆสำหรับเยาวชน

โครงการมัคค์น้อย กลับมาอีกครั้งแล้วนะคะ
ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 7 
สนใจอยากให้เด็กๆของเราได้มีโอกาสเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดี
ก็เข้าไปอ่านรายละเีอียดของการเข้าร่วมโครงการได้ที่นี่นะคะ 

หรือ




กรอกแบบฟอร์มใบสมัครได้ที่  http://goo.gl/EXd4WQ 

2 ม.ค. 2557

ส.ค.ส.แด่ อาจารย์ประเสริฐ จาก หนึ่งในผู้เดินตามมรรค

วันก่อน ได้เข้า Facebook ในเพจ ผู้เดินตามมรรค  ได้พบข้อความที่โพสต์ไว้ชิ้นหนึ่ง 
ในข้อความนั้น เป็น ส.ค.ส. จากนักปฏิบัติท่านหนึ่ง ใช้ชื่อว่า "หนึ่งในผู้เดินตามมรรค " 
ใน ส.ค.ส.ชิ้นนี้ เป็นข้อความที่ถอดออกมาจากหัวใจนักปฏิบัิติคนหนึ่ง และเชื่อว่า น่า
จะเป็นการ "กล่าวแทน " หัวใจของนักปฏิบัิติอีกหลายๆคนที่รู้สึกเช่นเดียวกัน แต่ไม่รู้
ว่าจะกล่าวออกมาเป็นคำพูดอย่างไร  วันนี้ เรามีตัวแทนกล่าวคำนั้นให้แก่อาจารย์แล้ว 
ขอบคุณนะคะ ที่ทำมันขึ้นมา 
และขอบคุณที่ทำให้เรารู้สึกว่า เรายังมีเพื่อนร่วมเดินตามมรรค 
มิได้เดินลำพังโดดเดี่ยวแต่อย่างใด ... บน  ท า ง เ ดิ น แ ห่ ง ม ร ร ค เส้นทางนี้



ฟังเพลงในรูปแบบ MP 3ค่ะ



1 ม.ค. 2557

อาจารย์ประเสริฐ อวยพรวันเกิด

                         


วันเกิดของใครก็ไม่รู้                          ไม่มีผู้ทุกข์ ไม่มีผู้เกิด เมื่อทำลายถึงสุญญตาแล้ว ชำระจนหมดแล้ว

                                                        ก็มีแต่สภาพขันธ์ ที่เป็นไปตามธรรมชาติ ไม่มีเจ้าของแล้ว วันเกิด

                                                        ของใครก็ไม่รู้ ไม่มีผู้เกิด ไม่มีผู้ทุกข์

แต่ฉันไม่อยากเกิดมาอีกแล้ว

จู้ฮุกกรู

เกิดก็ต้องตาย ตายก็ต้องเกิด

ทางประเสริฐอยู่หนใด                        ทางประเสริฐอยู่หนใด อริยมรรคมีองค์ ๘ คือหนทางอันประเสริฐ

                                                       ที่จะนำสัตว์โลกก้าวพ้นไปจากวงเวียน เวียนวน เกิดแก่เจ็บตาย

ไม่มีใคร เกิดหรือตาย                         แน่นอน ไม่มีใครเกิดหรือตาย เป็นสภาพธรรมตามธรรมชาติ

                                                       เมื่อไมุ่ถูกยึดถือ ใครเป็นลูกศิษย์ท่านพุทธทาส ก็จะเข้ัาใจเรื่อง

                                                       ตัวกู  ของกู อย่างนี้ เมื่อสลายได้ ตายก่อนตาย ก็เหลือแต่สภาพธรรม

                                                       ตามธรรมชาติ แล้วใครจะเป็นผู้ทุกข์ล่ะ  ไม่มีแล้ว

หากเข้าใจ ในพระธรรม

เกิดก็วุ่นวาย ตายก็เสียใจ

ไม่มีใคร เกิดหรือตาย

เกิดดับเป็นอยู่ของมัน                        เกิดดับเป็นอยู่ของมัน อนิจจังเกิดขึ้นเพราะว่า รูป นาม แสดงอาการ

                                                       ของมัน เกิดขึ้น ดับไป บีบคั้น เพราะว่ามีเหตุปัจจัย มันก็จึงเป็นอนิจจัง

                                                       อยู่อย่างนี้แหละ

ปรากฎการณ์ ไม่ใช่ของฉัน                ปรากฎการณ์ไม่ีใช่ของฉัน สภาวธรรมตามธรรมชาติ อย่าไปยึดถือ

                                                       มาเป็นของเรา เมื่อไหร่สภาพทุกข์มันมีผู้ไปมีผู้ไปยึดถือ มันจะมีผู้

                                                       ทุกข์กับสภาพทุกข์นั้นทันที ขันธ์ทั้งหลายเป็นสภาพทุก วันนี้ืเรา

                                                       เข้าไปยึดถือ เราจึงเป็นทุกข์กับสภาพ เลยเกิดเป็นผู้ทุกข์ ทั้งๆที่สภาพ

                                                       ทุกข์มันมีอยู่  เมื่อเราปล่อยวางสภาพทุกข์นั้นทิ้งไปไม่สร้างเหตุเกิด

                                                       มันก็จะสลายตัวไป
ปล่อยมันทิ้งไป ไม่ยึดถือมัน

ทางนิพพาน อยู่ไม่ไกล                     ก็ อนุโมทนาครับ....

ที่มา : จากคอร์สเข้ม ไฟลุกกลางหอธรรม ณ สถานภาวนา พ.

           9 เมษายน  2556