26 ม.ค. 2557

มนุษย์อยู่กับคิด ไม่เคยอยู่กับจริง


เมื่อ 1,000 ปีก่อน มนุษย์บนโลกไม่มีความรู้ใดๆ เกี่ยวกับโลกนี้
ทุกคนมีความเชื่อว่าโลกใบนี้แบน ไม่ว่าจะมีการพิสูจน์สักเท่าไหร่ 
ผลก็ออกมาว่าโลกใบนี้แบน ดังนั้นทุกคนจึง เชื่อว่าโลกนี้แบน

ต่อมา ถัดจากยุคนั้นมาหน่อย 
นักวิทยาศาสตร์ท่านหนึ่งเริ่มสังเกตมากขึ้น 
จนเริ่มเห็นความจริงว่าโลกที่เราอยู่นี้ไม่แบน มันน่าจะกลม 
แล้วจึงนำความคิดดังกล่าวนำไปประกาศบอกคนทั่วไปให้เชื่อตาม
โดยนำหลักการและเหตุผลที่ตนพบไปอธิบาย 
ผู้คนบางส่วนเริ่มเชื่อตาม เห็นคล้อยด้วย บางส่วนยังคงไม่เชื่อ
และเอาเหตุผลสารพัดของตัวเองออกมาคัดง้าง 
แต่ถึงกระนั้นนักวิทยาศาสตร์คนนั้น ก็ยังคงอยู่บนความคิด ความเชื่อของตนเองอยู่นั่นเอง
ถึงจะมีคนเชื่อตามแค่ไหน นั่นก็คือเชื่อตามๆ กันตามเหตุผลเท่านั้น

ถึงตรงนี้เราจะเห็นความจริงได้อย่างหนึ่งแน่ๆ คือ

25 ม.ค. 2557

มนุษย์ อยู่กับคิด 2



เมื่อครั้งก่อนเราได้อ่านเรื่อง "มนุษย์อยู่กับคิด ไม่ได้อยู่กับจริง"
วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจกันต่ออีกหน่อย

ในครั้งก่อนเราบอกว่า เมื่อ 1,000 ปีก่อน มนุษย์อยู่กับคิด
ด้วยความเชื่อว่า โลกนี้แบน ทุกคนสอนกันมาให้เราเข้าใจ
และเชื่อกันมาอย่างนั้นว่าโลกที่เราอยู่นี้แบน
นี่คือความรู้ที่เราได้รับมาจากการถ่ายทอด
ให้ชื่อว่าความรู้ในระดับที่ 1

จากนั้นมีนักวิทยาศาสตร์เริ่มพิสูจน์จากการสังเกตว่า
มันไม่น่าแบนหรอก...มันกลม แล้วนำสิ่งที่เขาสังเกตมาบอกพวกเรา
เช่น หากเราออกเรือไปในมหาสมุทร เราจะเห็นเรือสักพักแล้วจะหายไป
เพราะผิวโลกที่โค้ง จึงทำให้เป็นอย่างนี้
เราเริ่มจินตนาการตามนักวิทยาศาสตร์ จนเราเชื่อตามว่า โลกนี้กลม
เราจะเรียกความรู้นี้เป็นความรู้ระดับที่ 2
เกิดจากการจินตนาการตาม
ไม่ใช่แค่ฟังและเชื่อตามเท่านั้นแต่มีเหตุมีผลคิดตามได้

จนมาถึงวันนี้
ภาพถ่ายดาวเทียมได้ทำให้เราประจักษ์แล้วว่าโลกนี้กลม
โดยหมดความลังเลสงสัย ต้องหาเหตุผลใดๆมาสนับสนุนอีก
เราเรียกความรู้นี้เป็นความรู้ระดับที่ 3

เอาล่ะทีนี้เรากลับมาสู่ความเข้าใจที่เป็นสรุปรวบยอดกัน

ภิกขาจาร




เรื่องหนึ่งที่โยมน้า เพื่อนของโยมแม่เคยเล่าให้ฟังว่า

เมื่อประมาณ  20 ปีมาแล้ว ท่านเคยเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง

ได้มีอาจารย์ ชาวต่างชาติ ถามว่า 

" ทำไม พระในพระพุทธศาสนา จึังขอทาน ... "

17 ม.ค. 2557

สร้างเหตุเกิด



[ เมื่อมีความยินดีพอใจในรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
สัตว์จะต้องเวียนว่ายตายเกิด ]
....

ในรูปคืออะไร ? เรายินดีพอใจในรูปมั๊ย ?

เรียบร้อย.. เวียนแน่ !!

เพราะว่าเรารู้สึกว่านี่รูปของเรา
ถ้าวันเราขาขาด - ทุกข์มั๊ย ? ทุกข์ !
วันไหนหมอบอกเป็นมะเร็ง - ทุกข์มั๊ย ? ทุกข์ !
วันนี้เราไปซื้อครีมมา ทา ทา
แล้วเราก็ยินดีพอใจกับการทา แล้วเนื้อหนังมันนิ่มเนี่ยะ

" นั่นท่านได้สร้างเหตุเกิด !!!! "

ถ้าหญิง กำลังทาแล้วเกิดความรู้สึกเนื้อนิ่มแห่งความเป็นหญิง
ท่านได้สร้างเหตุเกิดแห่งความเป็นหญิงในชาติหน้าต่อไป
แต่ปัญหา คือ คำว่า [ หญิง] ของท่าน

อ า จ จ ะ เ ป็ น ตั ว เ มี ย น ะ !!!

ไม่ใช่หญิงอย่างเดียว
เพราะอย่าลืมว่า แมวก็เลียขน หมาก็เลียขน วัวก็เลียขน !!!!

- อ.ประเสริฐ อุทัยเฉลิม -

                            

14 ม.ค. 2557

"มัคค์น้อย " คอร์สดีๆสำหรับเยาวชน

โครงการมัคค์น้อย กลับมาอีกครั้งแล้วนะคะ
ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 7 
สนใจอยากให้เด็กๆของเราได้มีโอกาสเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดี
ก็เข้าไปอ่านรายละเีอียดของการเข้าร่วมโครงการได้ที่นี่นะคะ 

หรือ




กรอกแบบฟอร์มใบสมัครได้ที่  http://goo.gl/EXd4WQ 

2 ม.ค. 2557

ส.ค.ส.แด่ อาจารย์ประเสริฐ จาก หนึ่งในผู้เดินตามมรรค

วันก่อน ได้เข้า Facebook ในเพจ ผู้เดินตามมรรค  ได้พบข้อความที่โพสต์ไว้ชิ้นหนึ่ง 
ในข้อความนั้น เป็น ส.ค.ส. จากนักปฏิบัติท่านหนึ่ง ใช้ชื่อว่า "หนึ่งในผู้เดินตามมรรค " 
ใน ส.ค.ส.ชิ้นนี้ เป็นข้อความที่ถอดออกมาจากหัวใจนักปฏิบัิติคนหนึ่ง และเชื่อว่า น่า
จะเป็นการ "กล่าวแทน " หัวใจของนักปฏิบัิติอีกหลายๆคนที่รู้สึกเช่นเดียวกัน แต่ไม่รู้
ว่าจะกล่าวออกมาเป็นคำพูดอย่างไร  วันนี้ เรามีตัวแทนกล่าวคำนั้นให้แก่อาจารย์แล้ว 
ขอบคุณนะคะ ที่ทำมันขึ้นมา 
และขอบคุณที่ทำให้เรารู้สึกว่า เรายังมีเพื่อนร่วมเดินตามมรรค 
มิได้เดินลำพังโดดเดี่ยวแต่อย่างใด ... บน  ท า ง เ ดิ น แ ห่ ง ม ร ร ค เส้นทางนี้



ฟังเพลงในรูปแบบ MP 3ค่ะ



1 ม.ค. 2557

อาจารย์ประเสริฐ อวยพรวันเกิด

                         


วันเกิดของใครก็ไม่รู้                          ไม่มีผู้ทุกข์ ไม่มีผู้เกิด เมื่อทำลายถึงสุญญตาแล้ว ชำระจนหมดแล้ว

                                                        ก็มีแต่สภาพขันธ์ ที่เป็นไปตามธรรมชาติ ไม่มีเจ้าของแล้ว วันเกิด

                                                        ของใครก็ไม่รู้ ไม่มีผู้เกิด ไม่มีผู้ทุกข์

แต่ฉันไม่อยากเกิดมาอีกแล้ว

จู้ฮุกกรู

เกิดก็ต้องตาย ตายก็ต้องเกิด

ทางประเสริฐอยู่หนใด                        ทางประเสริฐอยู่หนใด อริยมรรคมีองค์ ๘ คือหนทางอันประเสริฐ

                                                       ที่จะนำสัตว์โลกก้าวพ้นไปจากวงเวียน เวียนวน เกิดแก่เจ็บตาย

ไม่มีใคร เกิดหรือตาย                         แน่นอน ไม่มีใครเกิดหรือตาย เป็นสภาพธรรมตามธรรมชาติ

                                                       เมื่อไมุ่ถูกยึดถือ ใครเป็นลูกศิษย์ท่านพุทธทาส ก็จะเข้ัาใจเรื่อง

                                                       ตัวกู  ของกู อย่างนี้ เมื่อสลายได้ ตายก่อนตาย ก็เหลือแต่สภาพธรรม

                                                       ตามธรรมชาติ แล้วใครจะเป็นผู้ทุกข์ล่ะ  ไม่มีแล้ว

หากเข้าใจ ในพระธรรม

เกิดก็วุ่นวาย ตายก็เสียใจ

ไม่มีใคร เกิดหรือตาย

เกิดดับเป็นอยู่ของมัน                        เกิดดับเป็นอยู่ของมัน อนิจจังเกิดขึ้นเพราะว่า รูป นาม แสดงอาการ

                                                       ของมัน เกิดขึ้น ดับไป บีบคั้น เพราะว่ามีเหตุปัจจัย มันก็จึงเป็นอนิจจัง

                                                       อยู่อย่างนี้แหละ

ปรากฎการณ์ ไม่ใช่ของฉัน                ปรากฎการณ์ไม่ีใช่ของฉัน สภาวธรรมตามธรรมชาติ อย่าไปยึดถือ

                                                       มาเป็นของเรา เมื่อไหร่สภาพทุกข์มันมีผู้ไปมีผู้ไปยึดถือ มันจะมีผู้

                                                       ทุกข์กับสภาพทุกข์นั้นทันที ขันธ์ทั้งหลายเป็นสภาพทุก วันนี้ืเรา

                                                       เข้าไปยึดถือ เราจึงเป็นทุกข์กับสภาพ เลยเกิดเป็นผู้ทุกข์ ทั้งๆที่สภาพ

                                                       ทุกข์มันมีอยู่  เมื่อเราปล่อยวางสภาพทุกข์นั้นทิ้งไปไม่สร้างเหตุเกิด

                                                       มันก็จะสลายตัวไป
ปล่อยมันทิ้งไป ไม่ยึดถือมัน

ทางนิพพาน อยู่ไม่ไกล                     ก็ อนุโมทนาครับ....

ที่มา : จากคอร์สเข้ม ไฟลุกกลางหอธรรม ณ สถานภาวนา พ.

           9 เมษายน  2556