เมื่อครั้งก่อนเราได้อ่านเรื่อง "มนุษย์อยู่กับคิด ไม่ได้อยู่กับจริง"
วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจกันต่ออีกหน่อย
ในครั้งก่อนเราบอกว่า เมื่อ 1,000 ปีก่อน มนุษย์อยู่กับคิด
ด้วยความเชื่อว่า โลกนี้แบน ทุกคนสอนกันมาให้เราเข้าใจ
และเชื่อกันมาอย่างนั้นว่าโลกที่เราอยู่นี้แบน
นี่คือความรู้ที่เราได้รับมาจากการถ่ายทอด
ให้ชื่อว่าความรู้ในระดับที่ 1
จากนั้นมีนักวิทยาศาสตร์เริ่มพิสูจน์จากการสังเกตว่า
มันไม่น่าแบนหรอก...มันกลม แล้วนำสิ่งที่เขาสังเกตมาบอกพวกเรา
เช่น หากเราออกเรือไปในมหาสมุทร เราจะเห็นเรือสักพักแล้วจะหายไป
เพราะผิวโลกที่โค้ง จึงทำให้เป็นอย่างนี้
เราเริ่มจินตนาการตามนักวิทยาศาสตร์ จนเราเชื่อตามว่า โลกนี้กลม
เราจะเรียกความรู้นี้เป็นความรู้ระดับที่ 2
เกิดจากการจินตนาการตาม
ไม่ใช่แค่ฟังและเชื่อตามเท่านั้นแต่มีเหตุมีผลคิดตามได้
จนมาถึงวันนี้
ภาพถ่ายดาวเทียมได้ทำให้เราประจักษ์แล้วว่าโลกนี้กลม
โดยหมดความลังเลสงสัย ต้องหาเหตุผลใดๆมาสนับสนุนอีก
เราเรียกความรู้นี้เป็นความรู้ระดับที่ 3
เอาล่ะทีนี้เรากลับมาสู่ความเข้าใจที่เป็นสรุปรวบยอดกัน
ความรู้ระดับ 1 เป็นความเชื้อจากสิ่งที่ได้ยินตามๆกันมา
เราเรียกความรู้ระดับนี้ว่า สุตมยปัญญา
ปัญญาอันเกิดจากการได้ยินได้ฟังมา
ความรู้ระดับที่ 2 เกิดจากการรับฟังความรู้ที่ถ่ายทอดมา
โดยมีการจินตนาการตามเหตุ ตามผลอย่างเป็นระบบและน่าเชื่อถือ
จะทำให้ผู้ฟังเห็นภาพตาม นี้เรียกว่า จินตามยปัญญา
ความรู้ระดับ 3 เป็นความรู้หรือปัญญาขั้นสูงสุด
คือ ประจักษ์แจ้งเห็นจริงในสิ่งนั้นแบบหมดคำพูดไม่ต้องอธิบายอะไร
หรือหาเหตุผลใดๆ มาสนับสนุน เพราะมันเป็นอย่างนั้นล่ะ
หมดความลังเลสงสัยอีก (หมดวิจิกิจฉา)
เช่นเห็นแล้วว่าโลกกลมจากภาพถ่ายดาวเทียม
จากนักบินอวกาศถ่ายมา จนเลิกพูดเลิกเถียงกับใคร
นี้จึงเป็นปัญญาความรู้ที่สูงสุด
ในพระโสดาบัน
เราจะได้ยินคำว่าหมดวิจิกิจฉา
หมดความลังเลสงสัยใน พระรัตนตรัย
หมดความลังเลในพระพุทธเจ้าว่ามีหรือไม่ ?
พระธรรมนำพาพ้นทุกข์ได้จริงหรือ ?
พระอริยสงฆ์ยังมีอยู่หรือ ?
เมื่อบุคคลนั้นได้ประจักษ์แจ้งด้วยตัวเขาเองในระดับที่ 3
คือภาวนามยปัญญา นั่นคือจบ ไม่ต้องฟังคำใครอีก
ในระดับที่ 2 และระดับที่ 3 มีส่วนที่คล้ายคลึงหรือทับซ้อนกันอยู่
วันนี้ใช่ว่าเราจะไม่เชื่อในพระรัตนตรัย
ดั่งเช่นเราพิสูจน์ว่าโลกกลม เราก็จินตนาการได้ว่าโลกกลม
แต่มันยังไม่สุดแบบประจักษ์
จนอยู่ๆ เกิดได้เห็นภาพถ่ายดาวเทียมเป็นครั้งแรก
จึงยืนยันสิ่งที่เชื่อมาตลอด ณ.จุดนี้จะพ้นจากความคิด
พ้นจากความเชื่อ เข้าสู่สัจธรรมความจริงแท้
เมื่อผู้ที่เห็นโลกกลมอย่างนี้ไปอธิบายเรื่องโลกให้ใครฟัง
อธิบายอย่างไรก็ไม่ผิด
จะต่างจากผู้ที่ศึกษาและจินตนาการเอาว่า โลกน่าจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้
เมื่อมีคนถามลงไปในรายละเอียด
จะต้องอาศัยจินตนาการภายใต้ประสบการณ์และการอ่านการศึกษามาของตนเอง
จึงมีความผิดพลาดอยู่
ทำไมในกาลามสูตร
พระพุทธเจ้าถึงไม่ให้เชื่อคำอาจารย์หรือเชื่อเพราะเขาว่า...
เพราะปัญญาในระดับนั้นต่อให้คิดเก่งแค่ไหนก็ไปกันได้แค่ระดับที่ 2
แถมเหตุผลที่นำมาประกอบเพื่อสนับสนุนความเห็นตน
ยังมาจากรากเหง้าที่เห็นผิดเป็นมิจฉาทิฏฐิ
(มีความเห็นผิดในความเป็นตัวตน คิดอย่างไรก็มีแต่ตัวตนอยู่ในความคิด)
ดังเช่นกลัดกระดุมเม็ดแรกผิด
จะกลัดแบบระมัดระวัง ปราณีต ดูมีสติอย่างไร มันก็ผิดวันยังค่ำ
แล้วปัญญาในระดับ3 หรือ ปัญญามยปัญญาจะเกิดขึ้นมาได้อย่าง ?
จึงจะเป็นปัญญาขั้นสูงสุดในการนำสู่ความหลุดพ้นหรือพ้นทุกข์
เกิดจากการ..เจริญมรรค!
ส่วนคำถามที่มักได้ยินบ่อยๆ ว่า
แล้วภูมิธรรมของอริยบุคคลตั้งแต่พระโสดาบันจะมีการเสื่อมหรือถอยกลับไหม ?
วันนี้ถ้ามี ซุปเปอร์ไอสไตน์เกิดขึ้นมาใหม่
หาหลักฐานและข้อมูลมาสนับสนุนว่าโลกนี้แบน
ท่านจะกลับไปเชื่ออีกไหมล่ะ เพราะเห็นอยู่โจ้งๆ ว่ามันกลม
ตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไป
ละความเห็นผิดไปหมดแล้วว่า (ขันธ์๕) นี่ไม่ใช่ของเรา (ขันธ์๕) ไม่ใช่เราด้วย
จะไม่มีวันกลับไปเห็นผิดอีกอย่างแน่นอน
- อ.ประเสริฐ อุทัยเฉลิม -
ข้อคิดมุมมองเพื่อปัญญา ตอน มนุษย์อยู่กับคิด (ภาค 2)
อ่านต้นฉบับได้ที่เวปไซต์ สวนยินดีธรรม หรือคลิกตามลิงค์นี่เลยค่ะ
http://www.suanyindee.net/index.php?option=think&task=view&id=258
วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจกันต่ออีกหน่อย
ในครั้งก่อนเราบอกว่า เมื่อ 1,000 ปีก่อน มนุษย์อยู่กับคิด
ด้วยความเชื่อว่า โลกนี้แบน ทุกคนสอนกันมาให้เราเข้าใจ
และเชื่อกันมาอย่างนั้นว่าโลกที่เราอยู่นี้แบน
นี่คือความรู้ที่เราได้รับมาจากการถ่ายทอด
ให้ชื่อว่าความรู้ในระดับที่ 1
จากนั้นมีนักวิทยาศาสตร์เริ่มพิสูจน์จากการสังเกตว่า
มันไม่น่าแบนหรอก...มันกลม แล้วนำสิ่งที่เขาสังเกตมาบอกพวกเรา
เช่น หากเราออกเรือไปในมหาสมุทร เราจะเห็นเรือสักพักแล้วจะหายไป
เพราะผิวโลกที่โค้ง จึงทำให้เป็นอย่างนี้
เราเริ่มจินตนาการตามนักวิทยาศาสตร์ จนเราเชื่อตามว่า โลกนี้กลม
เราจะเรียกความรู้นี้เป็นความรู้ระดับที่ 2
เกิดจากการจินตนาการตาม
ไม่ใช่แค่ฟังและเชื่อตามเท่านั้นแต่มีเหตุมีผลคิดตามได้
จนมาถึงวันนี้
ภาพถ่ายดาวเทียมได้ทำให้เราประจักษ์แล้วว่าโลกนี้กลม
โดยหมดความลังเลสงสัย ต้องหาเหตุผลใดๆมาสนับสนุนอีก
เราเรียกความรู้นี้เป็นความรู้ระดับที่ 3
เอาล่ะทีนี้เรากลับมาสู่ความเข้าใจที่เป็นสรุปรวบยอดกัน
ความรู้ระดับ 1 เป็นความเชื้อจากสิ่งที่ได้ยินตามๆกันมา
เราเรียกความรู้ระดับนี้ว่า สุตมยปัญญา
ปัญญาอันเกิดจากการได้ยินได้ฟังมา
ความรู้ระดับที่ 2 เกิดจากการรับฟังความรู้ที่ถ่ายทอดมา
โดยมีการจินตนาการตามเหตุ ตามผลอย่างเป็นระบบและน่าเชื่อถือ
จะทำให้ผู้ฟังเห็นภาพตาม นี้เรียกว่า จินตามยปัญญา
ความรู้ระดับ 3 เป็นความรู้หรือปัญญาขั้นสูงสุด
คือ ประจักษ์แจ้งเห็นจริงในสิ่งนั้นแบบหมดคำพูดไม่ต้องอธิบายอะไร
หรือหาเหตุผลใดๆ มาสนับสนุน เพราะมันเป็นอย่างนั้นล่ะ
หมดความลังเลสงสัยอีก (หมดวิจิกิจฉา)
เช่นเห็นแล้วว่าโลกกลมจากภาพถ่ายดาวเทียม
จากนักบินอวกาศถ่ายมา จนเลิกพูดเลิกเถียงกับใคร
นี้จึงเป็นปัญญาความรู้ที่สูงสุด
ในพระโสดาบัน
เราจะได้ยินคำว่าหมดวิจิกิจฉา
หมดความลังเลสงสัยใน พระรัตนตรัย
หมดความลังเลในพระพุทธเจ้าว่ามีหรือไม่ ?
พระธรรมนำพาพ้นทุกข์ได้จริงหรือ ?
พระอริยสงฆ์ยังมีอยู่หรือ ?
เมื่อบุคคลนั้นได้ประจักษ์แจ้งด้วยตัวเขาเองในระดับที่ 3
คือภาวนามยปัญญา นั่นคือจบ ไม่ต้องฟังคำใครอีก
ในระดับที่ 2 และระดับที่ 3 มีส่วนที่คล้ายคลึงหรือทับซ้อนกันอยู่
วันนี้ใช่ว่าเราจะไม่เชื่อในพระรัตนตรัย
ดั่งเช่นเราพิสูจน์ว่าโลกกลม เราก็จินตนาการได้ว่าโลกกลม
แต่มันยังไม่สุดแบบประจักษ์
จนอยู่ๆ เกิดได้เห็นภาพถ่ายดาวเทียมเป็นครั้งแรก
จึงยืนยันสิ่งที่เชื่อมาตลอด ณ.จุดนี้จะพ้นจากความคิด
พ้นจากความเชื่อ เข้าสู่สัจธรรมความจริงแท้
เมื่อผู้ที่เห็นโลกกลมอย่างนี้ไปอธิบายเรื่องโลกให้ใครฟัง
อธิบายอย่างไรก็ไม่ผิด
จะต่างจากผู้ที่ศึกษาและจินตนาการเอาว่า โลกน่าจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้
เมื่อมีคนถามลงไปในรายละเอียด
จะต้องอาศัยจินตนาการภายใต้ประสบการณ์และการอ่านการศึกษามาของตนเอง
จึงมีความผิดพลาดอยู่
ทำไมในกาลามสูตร
พระพุทธเจ้าถึงไม่ให้เชื่อคำอาจารย์หรือเชื่อเพราะเขาว่า...
เพราะปัญญาในระดับนั้นต่อให้คิดเก่งแค่ไหนก็ไปกันได้แค่ระดับที่ 2
แถมเหตุผลที่นำมาประกอบเพื่อสนับสนุนความเห็นตน
ยังมาจากรากเหง้าที่เห็นผิดเป็นมิจฉาทิฏฐิ
(มีความเห็นผิดในความเป็นตัวตน คิดอย่างไรก็มีแต่ตัวตนอยู่ในความคิด)
ดังเช่นกลัดกระดุมเม็ดแรกผิด
จะกลัดแบบระมัดระวัง ปราณีต ดูมีสติอย่างไร มันก็ผิดวันยังค่ำ
แล้วปัญญาในระดับ3 หรือ ปัญญามยปัญญาจะเกิดขึ้นมาได้อย่าง ?
จึงจะเป็นปัญญาขั้นสูงสุดในการนำสู่ความหลุดพ้นหรือพ้นทุกข์
เกิดจากการ..เจริญมรรค!
ส่วนคำถามที่มักได้ยินบ่อยๆ ว่า
แล้วภูมิธรรมของอริยบุคคลตั้งแต่พระโสดาบันจะมีการเสื่อมหรือถอยกลับไหม ?
วันนี้ถ้ามี ซุปเปอร์ไอสไตน์เกิดขึ้นมาใหม่
หาหลักฐานและข้อมูลมาสนับสนุนว่าโลกนี้แบน
ท่านจะกลับไปเชื่ออีกไหมล่ะ เพราะเห็นอยู่โจ้งๆ ว่ามันกลม
ตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไป
ละความเห็นผิดไปหมดแล้วว่า (ขันธ์๕) นี่ไม่ใช่ของเรา (ขันธ์๕) ไม่ใช่เราด้วย
จะไม่มีวันกลับไปเห็นผิดอีกอย่างแน่นอน
- อ.ประเสริฐ อุทัยเฉลิม -
ข้อคิดมุมมองเพื่อปัญญา ตอน มนุษย์อยู่กับคิด (ภาค 2)
อ่านต้นฉบับได้ที่เวปไซต์ สวนยินดีธรรม หรือคลิกตามลิงค์นี่เลยค่ะ
http://www.suanyindee.net/index.php?option=think&task=view&id=258
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น